ความจริง




หน้านอก>>>>>บอกความงาม


หน้าใน>>>>>>บอกความดี


หน้าที่>>>>>>>บอกความสามารถ


หน้านอก==>>แต่งให้พอดี


หน้าในและหน้าที่==>>แต่งให้มากๆ

ขอ อีก วัน นะ


วันเข้าพรรษา เป็นวันสำคัญในพุทธศาสนาวันหนึ่ง ที่พระสงฆ์อธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ตลอดระยะเวลาฤดูฝนที่มีกำหนดเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตามที่พระธรรมวินัยบัญญัติไว้ โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น หรือที่เรียกติดปากกันโดยทั่วไปว่า "จำพรรษา" ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของพระภิกษุสงฆ์ คือ... พระภิกษุสงฆ์จะได้พักผ่อนหลังจากที่เดินทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นเวลานาน เพื่อให้พระสงฆ์มีเวลาศึกษาพระธรรมวินัยมากขึ้น และเพื่อเปิดโอกาสให้ชาวบ้านได้บำเพ็ญกุศล

อย่างไรก็ตาม หากพุทธศาสนิกชนอย่างเราๆ หันมาร่วมแรงร่วมใจกัน "งดเหล้าเข้าพรรษา" ประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่ดีงาม ลด ละ เลิกอบายมุขสิ่งเสพติดต่างๆ ในช่วงเข้าพรรษา 3 เดือน อะไรๆ ก็คงจะดีขึ้นว่าไหม ทั้งปัญหาสังคม คดีอาชญากรรม อุบัติเหตุ ปัญหาการทะเลาะวิวาทกันในวงเหล้าก็คงจะลดลงด้วย


ถูกต้องนะคร้าบ...!! ช่วงเวลาดีๆ เราก็ควรจะทำอะไรดีๆ ว่าแต่... คุณล่ะทำได้ไหม งดเหล้าเข้าพรรษา?

อ่าน นะ เพื่อนๆ

เข้าพรรษาแล้วนะคะ

อยากชวนเพื่อนๆ มา ลด ละ เลิก

ความแฮฮา สนุกสนานกับอบายมุก

โดยเฉพาะ งดดื่มเหล้า สักสามเดือน

นอกจากจะได้บุญแล้ว ยังประหยัดเงินนะคะ

และที่สำคัญเป็นผลดีต่อสุขภาพด้วย เพราะจะสอบแล้ว

ใครที่ทำได้แล้วขอให้ทำต่อไปนะคะ

จากใจจริง จริง








ต้องขอขอบคุณ วิชานันทนาการ สังกัดคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
ที่ทำให้เราได้เห็นพิธีแห่เทียนในวันเข้าพรรษา ที่เป็นงานประเพณีของจังหวัด
เป็นครั้งแรก อยากบอกกับเพื่อนๆ ว่าสวยงามมากเลย อยากให้เพื่อนๆ
ที่ยังไม่มีโอกาสได้เห็น หาโอกาสสักครั้งเพื่อไปดูต้นเทียนพรรษา
สวยงามและอลังการเกินคำบรรยายเลยละค่ะ
เพื่อนเห็นตามเว็บไซต์ที่ว่าสวยงาม
จะบอกว่าของจริงสวยกว่า
เป็นหลายเท่าเลยค่ะ

อยากบอกให้เพื่อนๆฟัง

อยากบอกรักดังๆคิดถึงบ้านจังเลย
วันนี้เป็นหยุดที่ทุกคนได้อยู่กับครอบครัว
และเป็นอีกวันที่เพื่อนหลายคนอยู่ที่บ้าน"อย่างมีความสุข"
ในขณะที่เราไม่ได้กลับบ้านด้วยเหตุผลจำเป็นบางอย่าง
เราอยากบอกให้เพื่อนรู้ว่า เราเหงามาก
และสิ่งที่เรากลัว คือ กลัวแม่เราน้อยใจที่เราไม่ได้กลับบ้าน
เพราะแม่เราเคยบอกว่า "เมื่อมีเทศกาล เห็นลูกคนอื่นกลับบ้าน แล้วลูกของตัวเองม่กลับ
แม่ก็ต้องน้อยใจเป็นธรรมดา "เราดีใจด้วยกับเพื่อนๆ ที่ทำให้แม่มีความสุข
และเราขอแบ่งความสุขที่เพื่อนทำให้แม่ของเพื่อน เผื่อแผ่ไปถึงแม่เราด้วย
ขอบคุณค่ะ

โดน อีก วัน

ครั้งที่ สี่
ตอนเมื่อใกล้จบชั้นมัธยมผมต้องไปสอบเป็นวันสุดท้าย แม่อุตส่าห์หยุดงานไปเป็นเพื่อนและเพื่อเป็นกำลังใจให้ผม มันเป็นวันที่แดดร้อนมาก ๆ...แม่ต้องรอผมอยู่หลายชม. เมื่อผมทำข้อสอบเสร็จ...รีบออกมาหาแม่ เห็นแม่ผมมีเหงื่อออกท่วมตัว.. แต่ท่านกลับรินน้ำเย็นที่เตรียมมาให้ผมดื่ม ผมเห็นแม่รู้สึกเหนื่อยและร้อนจึงขอให้แม่ดื่มน้ำก่อน แม่พูดขึ้นว่า "ลูกดื่มเถอะ....แม่ยังไม่กระหายน้ำ"
ครั้งที่ ห้า
หลังจากที่พ่อผมล้มป่วยและเสียชีวิต คุณแม่ที่น่าสงสารต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว แต่ก็ยังไม่ค่อยเพียงพอไม่ว่าคุณแม่จะพยายามมากขึ้นเ พียงไร คุณลุงที่อยู่ข้าง ๆบ้านท่านเป็นคนดี พยายามมาช่วยเหลือครอบครัวเราเสมอ....เช่นซ่อมแซมบ้า นที่ผุพัง..ฯลฯ เพื่อนบ้านเห็นครอบครัวลำบากมากก็แนะนำให้แม่แต่งงาน ใหม่ แต่แม่ยืนกรานไม่เห็นด้วย แม่พูดกับผมว่า "แม่มีลูกอยู่ทั้งคน...แม่ไม่ต้องความรักอีก"
ครั้งที่ หก
ในทื่สุดผมก็เรียนจบและมีงานทำ ผมอยากให้แม่ซึ่งตรากตรำทำงานหนักมาตลอดได้พักผ่อนบ้าง แต่แม่ไม่ยอม.....กลับไปตลาดทุกเช้า ขายผักที่หามาได้เพื่อเลี้ยงชีพทั้ง ๆที่ผมพยายามส่งเงินมาให้แม่ (ผมต้องไปทำงานในเมืองที่ห่างไกล) แม่ผมไม่ค่อยยอมรับเงินผม..บางครั้งยังส่งเงินกลับคืนให้ผมอีก แม่พูดกับผมว่า "แม่มีเงินพอใช้แล้ว...ลูกควรเก็บเงินไว้สร้างฐานะ"
ครั้งที่ เจ็ด
เพื่ออนาคตที่ก้าวหน้า.. ผมตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโทด้วยทุนของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในอเมริกา เมื่อผมเรียนจบก็ได้งานทำ ที่นั่นและมีเงินเดือนค่อนข้างสูง เมื่อทำงานไปได้สักพัก...ผมอยากให้แม่ผมมาอยู่กับผมที่ี่อเมริกา เพื่อว่าแม่จะได้หยุดทำงาน...พักผ่อนให้สบายในบั้นปลายของชีวิต แต่แม่ผมไม่อยากรบกวนผม...บอกผมว่า "แม่ไม่คุ้นเคยกับชีวิตต่างแดน"
ครั้งสุดท้าย
เมื่อแม่แก่ตัวลงไปเรื่อยๆ.. ในที่สุดแม่ก็เป็นมะเร็งและต้องเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาล ผมลางานแล้วรีบบินกลับมาหาแม่สุดที่รักทันที แม่ผมนอนพักฟื้นอยู่บนเตียงเมื่อผมไปถึง น้ำตาผมไหลอาบแก้มเมื่อเห็นแม่ซึ่งผ่ายผอมและดูทรุดโ ทรมลงอย่างมาก แม่รู้สึกดีใจมากที่เห็นผม....พยายามยิ้มอย่างสดชื่น ด้วยความลำบาก ผมรู้ดีว่าแม่ได้ฝืนความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างสุดฝืน จากโรคมะเร็งร้ายที่ลามไปทั่วทั้งตัว ผมโอบกอดแม่พร้อมกับร้องไห้ด้วยความสงสาร หัวใจผมในขณะนั้นเศร้าหมองและเจ็บปวดอย่างที่สุด แม่พยายามปลอบผมด้วยเสียงที่แหบพร่าและสั่นเครือ "ลูกรักของแม่...เห็นหน้าลูกแม่ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว" นี่เป็นครั้งที่ 8 ที่แม่โกหก และเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของแม่ที่โกหกผม แม่ที่ผมรักและบูชามาตลอดชีวิตได้ปิดตาลงและจากผมไปอย่างไม่มีวันกลับ หลังจากที่เธอกล่าวคำโกหกครั้งที่ 8 จบลง

" หลังจากที่เพื่อนๆ อ่านบทความนี้แล้ว คงทำให้เรารักแม่มากขึ้นนะคะ "

โดน นะ โดน จริง จริง



คำโกหก "8" ครั้งของชีวิตแม่

ครั้งที่ หนึ่ง

เรื่องเริ่มขึ้นตอนเมื่อผมเป็นเด็ก ๆ ผมเกิดในครอบครัวยากจน ครอบครัวของเราจนมากจนต้องอดข้าวบ่อย ๆ เมื่อไหร่ก็ตามเมื่อถึงเวลากินข้าว...แม่จะแบ่งข้าวมาให้ผมเพิ่มขึ้นอีก พร้อมทั้งพูดว่า"ลูกต้องกินข้าวเพิ่มขึ้นนะ...ส่วนแม่ไม่ค่อยหิว"

ครั้งที่ สอง

เมื่อผมเติบโตขึ้น คุณแม่เพียรพยายามหาเวลาว่างไปตกปลาในแม่น้ำ เพื่อว่าผมจะได้กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของผม แม่ต้มปลาที่ตกมาได้ทำเป็นซุปให้ผมกิน ในขณะที่ผมกินแกงต้มปลา..แม่จะนั่งข้างๆผม แทะกินเศษเนื้อปลาที่ติดอยู่ตามก้างปลาหลังจากที่ผมได้กินเนื้อปลาไปแล้ว ผมรู้สึกตื้นตันใจมาก..ผมพยายาม แบ่งเนื้อปลาให้แม่ แต่แม่ปฏิเสธทันควันพร้อมกับกล่าวว่า "ลูกกินเถอะ...แม่ไม่ค่อยชอบกินเนื้อปลา"

ครั้งที่ สาม

เมื่อผมเรียนอยู่ชั้นมัธยม เราต้องใช้เงินเพิ่มมากขึ้น แม่ต้องหารายได้พิเศษด้วยการรับงานเล็ก ๆน้อยจากโรงงานมาทำที่บ้าน บางครั้งผมตื่นขึ้นมาตอนตี 1 หรือตี 2...ผมยังเห็นแม่กำลังทำงาน "แม่ครับ...นอนเถอะครับมันดึกมากแล้ว พรุ่งนี้แม่ต้องไปทำงานอีก" แม่ยิ้มกับผมพูดว่า "ลูกนอนต่อก่อนนะ...แม่ยังไม่เหนื่อย...นอนไม่หลับ"


ติดตามครั้งต่อไปในวันพรุ่งนี้นะคะ